วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

มือขวานจอมเชือด ลิซซี่ บอร์เด็น | เรื่องเล่าฆาตกรโหดจากพิพิธภัณฑ์คนบาป







บทความโดย Poriuz’s Tales



               สวัสดีค่ะ  วันนี้เปอร์ได้ตั๋วเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งมา แต่ตั๋วนั่นไม่ได้มีแค่ใบเดียว ยังมีอีกใบที่เปอร์จะพาคุณไปสัมผัสกับพิพิธภัณฑ์แห่งนั้น  และบังเอิญว่ามันไม่ใช่พิพิธภัณฑ์ธรรมดาเสียด้วย เพราะว่าเป็น พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเหล่าคนบาปในอดีต  เปอร์จะเป็นไกด์ให้ข้อมูลคนบาปที่อยู่ในพิพิธภัณฑ์กับคุณเองค่ะ

           *คำเตือน* ภาพประกอบเนื้อหาบางภาพมีเนื้อหาที่รุนแรง ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำแก่เด็กนะคะ



 



               สำหรับคนบาปที่เปอร์จะเล่าให้ฟังเป็นคนแรกนี้ เธอใช้ขวานเป็นอาวุธ  ชื่อของเธอก็คือ ลิซซี่ บอร์เด็น  ระดับความซับซ้อนของการฆาตกรรมอาจจะจัดว่ายังไม่ค่อยเท่าไร   แต่คดีนี้เป็นที่สนใจของชาวเมืองในตอนนั้นมาก ๆ แถมเหยื่อของเธอยังตายในสภาพที่น่าสยดสยอง  เหยื่อของเธอคือนายแอนดรูว์ บอร์เด็น มหาเศรษฐีของเมืองและนางแอ็บบี้ภรรยาคนที่สองของเขา  ทั้งคู่คือพ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของลิซซี่เอง  ซึ่งเปอร์ขอให้คะแนนในด้านต่าง ๆ กับลิซซี่ บอร์เด็นดังนี้


               ความโหด : 5/5
               ความซับซ้อนของคดี : 3/5
               ความดราม่า : 4/5






               เพื่อไม่ให้เสียเวลา มาเริ่มเรื่องของเธอกันเลยแล้วกันนะคะ

               เหตุเกิดในวันที่ 4 สิงหาคม 1892 ที่เมืองฟอลล์ริเวอร์ รัฐแมสซาซูเสทท์ สหรัฐอเมริกา  อากาศในวันนั้นร้อนสูงถึง 100 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 37.7 องศาเซลเซียส  พบศพนายแอนดรูว์ถูกฆ่าด้วยขวานสับหน้าจนเละตายคาโซฟา  ส่วนภรรยาของเขาถูกฆ่าอยู่บนชั้นสองโดยอาวุธชนิดเดียวกัน  ผู้พบศพก็คือคือลิซซี่ บอร์เด็นที่วิ่งไปบอกสาวใช้บริดเจ็ทว่าใครก็ไม่รู้ฆ่าพ่อของเธอ

               ภายหลังตำรวจได้จับกุมลิซซี่ บอร์เด็นในฐานะผู้ต้องสงสัยของคดี  เพราะตำรวจจับได้ว่าลิซซี่โกหกในหลายๆ เรื่อง นั่นทำให้เธอตกเป็นผู้ต้องสงสัย










               แล้วลิซซี่ บอร์เด็นคือใคร? ถ้าเธอเป็นฆาตกรจริง ๆ ตามที่ทางการสงสัย  ลิซซี่มีแรงจูงใจจากอะไร  เรามาทำความรู้จักเธอกันเลยดีกว่าค่ะ


ลิซซี่ บอร์เด็น

              ลิซซี่ บอร์เด็นมีชื่อเต็มว่า “แอนดรูว์ ลิซซี่ บอร์เด็น”  เธอเกิดเมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 1860 ในครอบครัวที่ร่ำรวยแห่งเมืองฟอลล์ริเวอร์รัฐแมสซาซูเสท  เธอมีพี่สาวหนึ่งคนที่อายุห่างกันเจ็ดปีชื่อเอ็มม่า

               ถึงแม้ว่าพ่อของเธอจะเป็นเจ้าของกิจการธนาคารที่เติบโตรวดเร็วอย่างมากในตอนนั้น  แต่ชีวิตส่วนตัว เขากลับพอใจที่จะอยู่ในบ้านหลังเล็กซอมซ่อมากกว่า


แอ็บบี้ บอร์เด็น (แม่เลี้ยงของลิซซี่)

               เมื่อลิซซี่สูญเสียแม่  พ่อของลิซซี่ก็แต่งงานกับนางแอ็บบี้ หญิงอ้วนวัย 36 ปีที่ยังขึ้นคานอยู่นั่นเอง ทำให้แอ็บบี้กลายมาเป็นแม่เลี้ยงของลิซซี่ไปโดยปริยาย  แต่ดูเหมือนว่าลิซซี่จะไม่ชอบขี้หน้าแม่เลี้ยงเท่าไร  เพราะเธอไม่เคยเรียกแอ็บบี้ว่าแม่แม้แต่ครั้งเดียว  ลิซซี่จะเรียกแอ็บบี้ว่า “บอร์เด็น” เท่านั้น

               ลิซซี่ บอร์เด็นเป็นคนที่ชอบเข้าสังคมและช่วยเหลือผู้อื่น  ลิซซี่เคยเข้าร่วมสมาพันธ์การละเว้นของมึนเมาของผู้หญิงคริสเตียน เธอเป็นทั้งเลขานุการสมาคมคริสเตียนท้องถิ่น และเป็นครูสอนภาษาให้คนจีนในโบสถ์ท้องถิ่นวันอาทิตย์ เธอจึงเป็นนางฟ้าในสายตาคนเมืองทั่วไป


 แอนดรูว์ บอร์เด็น (พ่อแท้ ๆของลิซซี่)

               ลิซซี่เป็นคนที่มีนิสัยอดทนอดกลั้น  เนื่องจากพ่อของเธอเป็นคนตระหนี่  เธอเลยติดนิสัยแบบนี้ของพ่อมาด้วย  หญิงสาวไม่ค่อยจะเปลี่ยนชุดของตัวเองมากนัก  เธอใส่เสื้อผ้าตัวเดิม ๆ ซ้ำ ๆ จนสีซีดก็ยังไม่เคยเปลี่ยนมัน

               งานอดิเรกของลิซซี่คือการตกปลา หรือไม่ก็ครุ่นคิดอะไรบางอย่างในห้องคนเดียวมากกว่า

              ในบ้านบอร์เด็น นอกจากจะมีลิซซี่ซึ่งเป็นตัวละครหลักของเรา ก็ยังมีแอนดรูว์ บอร์เด็น(พ่อของเธอ), แอ็บบี้ บอร์เด็น(แม่เลี้ยงของเธอ), เอ็มม่า บอร์เด็น(พี่สาวของเธอ) และบริดเจ็ท(สาวใช้ชาวไอริส)


บริดเจ็ท (สาวใช้ในบ้านบอร์เด็น)

               ตลอดเวลาในบ้านบอร์เด็น ลิซซี่กับแอ็บบี้ไม่ถูกกันมาก ๆ  เป็นสงครามเย็นในบ้านระหว่างแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยง  ลิซซี่นั้นไม่ต้องการให้พ่อของเธอยกสมบัติให้กับแม่เลี้ยงคนนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม  เพราะเธอเกลียดแม่เลี้ยงคนนี้เข้ากระดูกดำเลยทีเดียวค่ะ

               จนกระทั่งเมื่อปี ค.ศ. 1892 หลังจากลิซซี่ บอร์เด็นได้ทราบข่าวว่าพ่อของเธอได้ยกที่ดินให้กับญาติของแม่เลี้ยง  แถมยังมีแนวโน้มว่าพ่อจะยกสมบัติทั้งหมดให้กับแอ็บบี้อีกด้วย  ลิซซี่รู้สึกเจ็บใจและแค้นเป็นอย่างมาก  เรื่องนี้กวนจิตใจของเธอมาโดยตลอด  จนกระทั่งวันเกิดเหตุก็มาถึง...


               4 สิงหาคม 1892

               วันนั้นเป็นวันร้อนอบอ้าว  อาหารเช้าในวันนั้นเป็นเห็ดกระดุม  เนื่องจากครอบครัวบอร์เด็นได้รับเห็ดกระดุมมาเป็นจำนวนมาก  ทำให้คนที่อยู่บ้านนี้ต้องทนกินเห็ดกระดุมมานานสักพักหนึ่งแล้ว  ด้วยความที่นายแอนดรูว์เป็นคนขี้เหนียวเสียดายของกิน

               ก็เลยไม่แปลกที่อาหารจะเสีย เพราะเก็บมานานเกินไปและอากาศก็ร้อน  นายแอนดรูว์, แอ็บบี้, และพี่สาวของนางแอ็บบี้ที่ตอนนั้นมาเยี่ยมจึงโดนเล่นงานด้วยอาการอาหารเป็นพิษ รวมไปถึงสาวใช้บริดเจ็ทด้วย


เอ็มม่า บอร์เด็น (พี่สาวของลิซซี่)

               แต่ลิซซี่กลับไม่ได้มีอาการอาหารเป็นพิษอย่างคนอื่นเขา  เพราะวันนั้นลิซซี่ตื่นสายและป่วยเพราะประจำเดือนเลยไม่ได้ลงมาทานกับคนอื่น ๆ  และพี่สาวของลิซซี่ก็ไม่ได้โดน เพราะตอนนั้นเธอไปค้างบ้านเพื่อนก็เลยรอดไปอีกคน

               จนกระทั่งพี่ชายของแม่เลี้ยงที่โดนอาการอาหารเป็นพิษขอกลับบ้านไปก่อน  และในวันนั้นนายแอนดรูว์ก็ไปทำธุระในเมือง  ส่วนบริดเจ็ททำความสะอาดอยู่ชั้นล่าง

               จึงเหลือคนในบ้านนี้เพียง 3 คนคือ นางแอ็บบี้ ลิซซี่ และสาวใช้บริดเจ็ท
              
               ทุกคนอาหารเป็นพิษกันหมด ยกเว้นลิซซี่


บ้านบอร์เด็น

               นางแอ็บบี้ขึ้นไปพักที่ห้องชั้นบนหลังจากที่พี่ชายของเธอกลับไปแล้ว และยังสั่งให้บริดเจ็ทไปทำความสะอาดกระจกหน้าต่าง  ด้วยความเป็นสาวใช้ บริดเจ็ทก็ต้องไป

               ทำไปได้ซักพัก ลิซซี่ก็มารีดผ้าเช็ดหน้าใกล้ๆ สาวใช้

               เวลาประมาณใกล้ๆ 11 โมง นายแอนดรูว์ก็กลับมาที่บ้าน  เพราะอาการอาหารเป็นพิษก็เลยต้องกลับมาพักผ่อน  เขานอนหลับพักผ่อนตรงโซฟาห้องนั่งเล่นชั้นล่าง

               และสาวใช้บริดเจ็ทก็ขอตัวไปพักผ่อนเช่นกัน

               เวลาประมาณ 11.10 น. ของวันนั้น  สาวใช้บริดเจ็ทที่กำลังพักผ่อนอยู่ถึงกับสะดุ้งเฮือก  เพราะลิซซี่ตะโกนให้เธอลงมา  เธอบอกกับบริดเจ็ทว่ามีคนฆ่าพ่อของเธอ  และให้สาวใช้ไปตามหมอโรเวนมาโดยด่วน  บริดเจ็ทออกไปตามหาคุณหมอแต่ไม่เจอ เลยฝากเรื่องนี้ไว้กับภรรยาคุณหมอแทน  บริดเจ็ทรีบกลับมาบ้านอีกครั้ง และลิซซี่ก็ส่งเธอให้ไปเรียกเพื่อนบ้านมาช่วย

               ลิซซี่ บอร์เด็นอ้างว่า ขณะเกิดเหตุ เธออยู่ในโรงนา และได้ยินเสียงพ่อในบ้าน  กลับมาอีกทีก็พบกับประตูที่เปิดอ้าทิ้งไว้


สภาพศพนายแอนดรูว์ที่พบในบ้าน

               สภาพศพของนายแอนดรูว์นั้น ศีรษะเละมากจนดูไม่ออกว่าเขาเป็นใคร  ข้างแก้มถูกฟันเละ 11 แผล มีแผลหนึ่งฟันเข้ากลางดวงตา นัยน์ตาปลิ้น  แผลหนึ่งเกือบจะตัดเอาจมูกหลุดออกไป  เลือดกระจายเต็มพื้น ผนังห้องและโซฟา ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้  นั่นแปลว่านายแอนดรูว์นั้นถูกฆาตกรรมตอนเขากำลังหลับ

               ตำรวจรับแจ้งความในเวลา 11.15 น. และคุณหมอโรเวนก็มาถึงในเวลา 11.30 น.  ในระหว่างการมาถึงที่เกิดเหตุก็มีการสอบถามว่านางแอ็บบี้อยู่ที่ไหน ?  ลิซซี่ตอบว่านางแอ็บบี้ไปเยี่ยมเพื่อนบ้าน  แต่ภายในเวลาไม่นาน ลิซซี่ก็บอกทุกคนว่านางแอ็บบี้กลับมาแล้ว และเกรงว่าจะถูกฆาตกรรม

               ทุกคนต่างขึ้นไปดูที่เกิดเหตุ  พวกเขาก็ได้เจอกับศพของนางแอ็บบี้  ถูกฟันเละยิ่งกว่าสามีของเธอ  ศีรษะและหลังมีรอยถูกฟันถึง 19 แผลรอยเลือดเริ่มแห้งและเป็นสีคล้ำ  แสดงว่าแอ็บบี้ บอร์เด็น เสียชีวิตมาก่อนสามีของเธอแน่นอน


สภาพศพของนางแอ็บบี้

               ผลชันสูตรศพหลังจากนั้นระบุว่า ทั้งสองศพถูกฆ่าด้วยอาวุธชนิดเดียวกันที่มีความคมและความรุนแรง ถึงกับทำให้ศีรษะของทั้งสองจมไปกับมีด กะโหลกแตกยับ สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นขวาน  ส่วนการตายของนางแอ็บบี้น่าจะถูกฆ่าตายก่อนสามีประมาณ 2 ชั่วโมง  นั่นก็คือเวลา 9 โมงเช้านั่นเองค่ะ  โอกาสที่ฆาตกรจะเป็นคนภายนอกนั้นมีน้อยมากเลยทีเดียว

               จากการสอบถามของเจ้าหน้าที่  ในเวลาที่ทั้งสองตาย มีเพียงลิซซี่และบริดเจ็ทที่อยู่บ้าน  แต่ถ้าบริดเจ็ทเป็นฆาตกรจริง เธอก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการตายนี้เลย  มีเพียงลิซซี่เท่านั้นที่มีผลประโยชน์ในเรื่องมรดกของพ่อ  และตำรวจยังจับได้ว่า เรื่องที่ลิซซี่เล่าเป็นเรื่องโกหก  ลิซซี่อ้างว่าตัวเองไปอยู่ที่โรงนาก่อนที่พ่อจะถูกฆ่า  แต่ที่โรงนากลับเต็มไปด้วยฝุ่นจับ  ไม่มีร่องรอยของคนที่มาที่โรงนาเลยแม้แต่น้อย

               ลิซซี่ บอร์เด็นกำลังสร้างเรื่องโกหกคำโตอยู่  เพื่อปกปิดความจริงบางอย่าง เธอก็เลยตกเป็นผู้ต้องสงสัย  แต่ชาวเมืองไม่เชื่อว่าเธอจะทำแบบนั้น เพราะที่ผ่านมาเธอทำความดี ช่วยเหลือคนมาโดยตลอด  แต่คำพูดและการกระทำต่อการตายของพ่อแม่เธอนั้นกลับเยือกเย็นราวน้ำแข็ง เฉยเมยผิดปกติ  ต่างจากสาวใช้บริทเจ็ท ที่เกิดอาการประสาทโดยสิ้นเชิง


               และเปอร์จะมาสรุปย่อเหตุการณ์หลังจากนี้ค่ะ  มีอะไรบ้างที่ทำให้ตำรวจสงสัยเธอมากขึ้น

               1. ตำรวจพบขวานที่คาดว่าน่าจะเป็นอาวุธเก็บไว้ในห้องเก็บของใต้ถุนบ้าน  แต่มันดูสะอาดเกินไป  หลักฐานนี้ก็เลยตกไป เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชเชื่อว่าฆาตกรไม่ได้มีเวลาในการทำความสะอาดขนาดนั้น


ขวานที่สันนิษฐานว่าถูกใช้เป็นอาวุธ

               คดีนี้มีการขึ้นโรงขึ้นศาลอย่างแน่นอน  ข้อสันนิษฐานของอัยการในชั้นศาลก็คือ เธอทำไปเพราะเกลียดพ่อแม่ทั้งสองของเธอ เลยรอโอกาสเหมาะๆ ที่ไม่มีใครอยู่บ้าน จนกระทั่งพี่สาวไปค้างบ้านเพื่อน และโอกาสนั้นก็มาถึง  ก่อนเกิดเหตุเธอซื้อยามาเพื่อจัดการกับพวกเขา  ถึงคนขายไม่ยอมขายให้  แต่เธอก็หาซื้อมาจนได้  เธอแอบโรยยาพิษลงในอาหาร และใส่จำนวนเล็กน้อยให้กับตัวเองเพื่อไม่ให้ใครสงสัย  แต่ยาก็ไม่ได้รุนแรงพอให้พวกเขาทั้งสองนั้นเสียชีวิต  (ภายหลังมีการวิเคราะห์ว่านั่นเป็นเพราะอาหารเป็นพิษมากกว่า)

               เมื่อวิธีวางยาไม่ได้ผล ในวันที่ 4 สิงหาคม หลังจากพ่อของลิซซี่ออกจากบ้านไป ลิซซี่จึงนำขวานออกมาและจัดการกับแม่เลี้ยงที่ชั้นบน  ฟันนางแอ็บบี้อย่างเมามันจนถึงแก่ความตาย  เธอมีเวลาเป็นชั่วโมงในการล้างคราบเลือดก่อนที่พ่อจะกลับมาบ้าน

               เมื่อพ่อของเธอกลับมา ยังมีเวลากว่าสิบนาทีในการฆ่าพ่อ ฟันเขาด้วยขวาน และล้างคราบเลือด ก่อนจะเรียกบริดเจ็ทมาและบอกว่าพ่อตายแล้ว

               แต่ข้อสันนิษฐานของอัยการก็มีจุดอ่อน เพราะมีหลักฐานไม่เพียงพอ แถมน้ำหนักของพยานก็มีน้อยเกินไป


ภาพจากภาพยนตร์

               บวกกับทนายที่ลิซซี่ บอร์เด็นจ้างก็เป็นทนายชื่อดัง  ทนายของลิซซี่นั้นสร้างภาพว่าเธอเป็นหญิงสาวเคร่งศาสนา กลัวบาป เงียบขรึม และน่าเคารพ ทำความดีต่างๆ มามากมายจนชาวเมืองต่างก็รักเธอและไม่มีทางที่ลิซซี่จะเป็นฆาตกร

               หลังจากขึ้นศาลในวันนั้น  เวลามีการเรียกให้ไปขึ้นศาล ลิซซี่มักจะแสร้งทำเป็นไม่สบายมาไม่ได้บ่อย ๆ

               และในวันสุดท้ายของการว่าความ  ทนายความได้อ้างว่า สาเหตุที่ดวงตาของลิซซี่ไม่มีน้ำตาสักหยด เพราะมันคือดวงตาที่เศร้าที่สุด เลื่อนลอยจนไม่มีคราบน้ำตาเลยแม้แต่น้อย

               ผลสุดท้ายของเรื่องนี้คือ ลิซซี่ บอร์เด็นรอดพ้นจากโทษประหาร และได้รับมรดกของพ่อเป็นเงินกว่า USD 250,000 ลิซซี่นำเงินนั้นไปซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่ และย้ายไปอยู่กับพี่สาว และเปลี่ยนชื่อตัวเองเป็น “ลิซซาเบธ เอ. เบอร์เดน” ในเวลาต่อมา


ภาพจากภาพยนตร์

               ถึงแม้ว่าลิซซี่จะไม่ได้รับโทษ และใช้ชีวิตอย่างสุขสบายในชีวิตบั้นปลาย  แต่เปอร์เชื่อว่าถึงแม้จะมีบางคนในเมืองรักเธอ  ก็ต้องมีบางคนที่คิดว่าเธอโกหกบ้างเหมือนกัน  แม้ว่าเธอจะได้มรดกจำนวนมหาศาลไป เธอก็ต้องทนอยู่กับเสียงซุบซิบนินทาจากผู้คนรอบตัวที่บอกว่าเธอเป็นฆาตกรอำมหิต ถึงแม้จะสบายบนกองมรดก พ้นความผิดไปได้เพราะหลักฐานของอัยการไม่พอ แต่ความผิดบาปในใจเธอย่อมน่าจะรู้ตัวดีที่สุด  กลายเป็นนรกในใจที่เธอต้องแบกรับมันไว้ ไม่ว่าเธอจะมีความสามารถในการสร้างภาพว่าเป็นคนดีเคร่งศาสนาแค่ไหนก็ตาม










               ชื่อเสียงของเธอนั้นดังในฐานะ ฆาตกรของโลก คนหนึ่งทีเดียว  มีการนำลิซซี่ไปพูดถึงในสื่อวัฒนธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเพลง การ์ตูน ภาพยนตร์ และอาชญวิทยา


               ตัวอย่างสื่อวัฒนธรรมที่พูดถึงลิซซี่ก็จะมี...





เพลงกล่อมเด็ก


Lizzie Borden took an axe                        (ลิซซี่ บอร์เดนถือขวานมา)
And gave her mother forty whacks.          (ฟันแม่เลี้ยงตั้งสี่สิบครา)
And when she saw what she had done     (เมื่อได้เห็นผลงานนี้) 
She gave her father forty-one.                 (ก็จามพ่ออีกสี่สิบเอ็ดที!)









ภาพยนตร์  Lizzie Borden took an ax 2014






ซีรีส์ The Lizzie Borden Chronicles (TV Mini-Series 2015)





               ในซีรีส์เรื่องนี้จะพูดถึงชีวิตหลังจากที่ลิซซี่รอดจากคดีฆ่าพ่อและแม่เลี้ยงของตัวเอง  เรื่องราวของมือขวานกลับมามีชีวิตเนื่องจากมีนักสืบจากต่างเมืองรื้อคดีนี้อีกครั้ง และมีคนตาย คนหายตัวไปอีกจำนวนหนึ่ง ทุกคนมีจุดเชื่อมโยงเดียวกันคือลิซซี่ บอร์เด็นทั้งนั้น

               หากใครได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ พูดเลยว่าเราจะเห็นลิซซี่เป็นคนดีเคร่งศาสนาด้วยภาพลักษณ์ที่เธอสร้างขึ้น  เธอเป็นกุลสตรีผู้ดีชั้นสูงโดยแท้  ลักษณะการพูดจาของเธอเป็นคนน่ารัก น่าคบหา ไม่น่าจะกลายเป็นฆาตกรได้เลยด้วยซ้ำไป  แต่ทว่าเบื้องลึกนั้น ถ้ามีคนมาขัดผลประโยชน์ เอาเปรียบเธอ หรือรู้ความจริงของเธอเข้า  เธอก็พร้อมจะ “กำจัด” คนๆ นั้นทิ้ง ด้วยวิธีอันแสนโหดร้ายของเธอได้อย่างเลือดเย็น อีกทั้งยังชำนาญการในการฆ่า รวมไปถึงการจัดการหลักฐานต่างๆ ด้วย  เพราะเหตุนี้พวกหน่วยงานต่างๆ ในเมืองจึงเหนื่อยที่จะมีเรื่องกับเธอ แม้ว่าจะมีนักสืบคนเก่งเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตามที  ไม่มีใครอยากให้รื้อคดีลิซซี่เลยซักคนเดียว



                และในสื่อวัฒนธรรมอย่างสุดท้ายที่จะยกตัวอย่างนั้น ก็คือ ในหนังสือการ์ตูน การิน ปริศนาคดีอาถรรพ์ คดีที่ 4 พิพิธีภัณฑ์คนบาป  ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ก็ได้จัดแสดงหุ่นของลิซซี่ บอร์เด็นอยู่ด้วย  ถือขวานไล่ล่าเลือดสาดสมใจคนที่ชอบอะไรทำนองนี้แน่นอน  ถ้าใครอยากรู้ว่าจะมีฆาตกรคนอื่นอีกไหม  การิน และลัลทริมาจะต้องพบเจอกับอะไรในนั้นบ้าง  บอกได้เลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาดค่ะ





ขอบคุณข้อมูลประกอบจาก
https://my.dek-d.com/jemsin/writer/viewlongc.php?id=676433&chapter=5
http://oknation.nationtv.tv/blog/bigeye2009/2011/02/23/entry-3






      แต่คนบาปของโลกใบนี้ยังไม่สิ้นสุดแค่ 'ลิซซี่ บอร์เด็น' หรือตัวละครในการ์ตูน "การิน ปริศนาคดีอาถรรพ์ : พิพิธภัณฑ์คนบาป" เท่านั้นนะคะ ความโหดร้ายของมนุษย์ยังมีอีกเพียบ แต่บางคนก็โหดร้ายมากกว่าลิซซี่ บอร์เด็นอีกด้วย!

       หากใครสนใจอยากอ่านประวัติของคนเปื้อนเลือดบนโลกใบนี้ ทางพูนิก้าได้รวบรวมและกลั่นกรองเนื้อหาผ่านหนังสือที่ได้ทั้งสาระและความสนุก อ่านได้ไม่มีเบื่ออย่าง "สารานุกรมสีดำ" เอาไว้แล้ว ซึ่งเล่ม "ตำนานบาป คนเปื้อนเลือด" น่าจะถูกใจคอสายโหดกันไม่น้อย ลองไปตามหาอ่านกันได้ในร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ (เช่น นายอินทร์ B2S Se-ed) หรือ App. Punica E-Book หรือช็อปออนไลน์ผ่าน Black Aholic Shop ส่งฟรีทั่วประเทศค่ะ



(ช็อปออนไลน์ ส่งฟรีถึงบ้าน สารานุกรมสีดำ: ตำนานบาปคนเปื้อนเลือด)






✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎










ไม่อยากพลาดบทความดี ๆ กดติดตาม Punica LINE official คลิก!   เพิ่มเพื่อน