วันพุธที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2561

5 อันดับนิทานพื้นบ้านสุดโหดของไทย กับฉากสุดสยองที่อ่านแล้วต้องผวา!!









               สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคนค่ะ ในช่วงหลายวันมานี้ถ้าใครได้ติดตามข่าวสารทางหน้าหนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ รวมถึงสื่อต่างๆ จะพบว่าประเทศไทยเรากำลังเกิดคดีฆ่าหั่นศพที่สั่นสะเทือนไปทั้งประเทศ รวมถึงคดีฆาตกรรมอื่นๆ ที่มีเข้ามาเรื่อยๆ อย่างไม่หยุดหย่อน บางคนก็โทษว่าเป็นเพราะเกมและการ์ตูนที่มักจะมีฉากล่อแหลม ความรุนแรง และความโหดร้าย ทำให้เด็กและเยาวชนซึมซับภาพความรุนแรงนั้นๆ จนเกิดเป็นพฤติกรรมเลียนแบบและกลายเป็น ‘อาชญากรรม’ ในที่สุด


ตัวอย่างการ์ตูนที่ใช้ความรุนแรง

               แม้คำกล่าวนี้อาจจะดูกล่าวหาไปสักหน่อย แต่ก็ต้องยอมรับนะคะว่าเกมและการ์ตูนบางประเภทมีเนื้อหารุนแรงและไม่เหมาะสมกับเด็กและเยาวชนจริงๆ จึงได้มีการจัดเรทอายุขึ้น เช่น 18+ หรือ 20+ ทำให้ผู้ปกครองสามารถคัดกรองสื่อที่เหมาะกับลูกหลานของตนได้โดยไม่ต้องทำถึงขนาดห้ามไม่ให้ดูหรือเล่น และยังทำให้ผู้เสพได้รับสื่อที่เหมาะสมกับช่วงวัยของตนนั่นเองค่ะ แต่เพราะหลายคนมองว่าภาพเหตุการณ์ความรุนแรงส่วนใหญ่มักจะปรากฏให้เห็นในเกมและการ์ตูน จึงทำให้ใครหลายคนอาจหลงลืมไปว่าแท้ที่จริงแล้วภาพความรุนแรงเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏอยู่แค่ 2 สื่อเท่านั้น แต่มันกลับอยู่รอบตัวเรามาตลอดไม่เว้นแม้แต่ ‘นิทาน’ สื่อที่นำเสนอเรื่องราวชวนฝันแสนสนุกสำหรับเด็กๆ


นิทานพื้นบ้านของสองพี่น้องตระกูลกริมม์

               ถ้าพูดถึงนิทานโหดเลือดสาด หลายๆ คนน่าจะนึกถึงนิทานกริมม์เวอร์ชั่นต้นฉบับอันแสนหฤโหด เล่นทำลายฝันเด็กๆ ที่ดูเจ้าหญิงดิสนีย์มาเสียหมด หรือแม้แต่ประเทศไทยของเราเองก็มีนิทานพื้นบ้าน ชวนสยอง เลือดสาด ไม่แพ้ต่างชาติเหมือนกันนะคะ วันนี้เราจึงจะมาพูดถึงฉากความโหดร้ายรุนแรงที่ปรากฏอยู่ในนิทานพื้นบ้านของไทยกันค่ะ


อันดับที่ 5 "ศรีธนญชัย" จอมเจ้าเล่ห์แห่งยุคกรุงศรีฯ


               เริ่มจากอันดับที่ 5 สุดยอดตัวแสบอมตะนิรันดร์กาล บุคคลที่สามารถสร้างความปวดเศียรเวียนเฮดให้แก่กรุงศรีอยุธยาได้มากที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘ศรีธนญชัย’ จอมเจ้าเล่ห์ ผู้มีสติปัญญาอันปราดเปรื่อง แต่ดันใช้ความฉลาดไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นเอาประโยชน์เข้าตัวเสียนี่ เรียกได้ว่าแสบมาตั้งแต่เด็กยันโต ขนาดพระเจ้าแผ่นดินก็ยังไม่พ้นตกเป็นเหยื่อของศรีธนญชัยเลยคิดดูสิคะ

               ทว่าท่ามกลางความสนุกสนานของเนื้อเรื่อง ยังมีฉากสุดโฉดอยู่ฉากหนึ่งที่ยังคงติดตาคนเขียนมาจนถึงทุกวันนี้เลยค่ะ นั่นคือตอนที่แม่ฝากศรีธนญชัยให้เลี้ยงน้อง และก็ได้สั่งศรีธนญชัยไว้ว่า ให้ล้างตัวน้องให้สะอาดทั้งนอกและในให้หมด พอศรีธนญชัยได้ฟังอย่างนั้นก็จัดให้ตามคำขอ บรรจงใช้มีดกรีดหน้าท้องของน้องที่ยังอายุไม่เท่าไหร่ และจัดการ ควักไส้ควักพุง ออกมาหมด จนน้องทนพิษบาดแผลไม่ไหวสิ้นใจตายในที่สุด จากนั้นศรีธนญชัยก็ทำการล้างเนื้อล้างตัวน้องทั้งข้างนอกและข้างในอวัยวะจนสะอาดเอี่ยมอ่อง คุณแพะ!! นี่มันอาศัยช่องว่างของคำพูดแม่มาเล่นงานน้องที่ตนเองเกลียดชัดๆ เลยนี่คะ!






อันดับที่ 4 “ขุนแผน” จอมขมังเวทย์เมืองสุพรรณ


               มาต่อกันในอันดับที่ 4 กับตัวละครที่ทุกๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดีกับขุนแผนแสนสะท้าน จากเรื่อง ‘ขุนช้าง ขุนแผน’ ทหารเอกของสมเด็จพระพันวษา ผู้มีวิชาอาคมแกร่งกล้า มาพร้อมกับของวิเศษ 3 อย่าง ได้แก่ ดาบฟ้าฟื้น กุมารทอง และม้าสีหมอก แถมยังมีภรรยาถึง 5 คนอีกต่างหาก และฉากสุดสยองของเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับ ‘นางบัวคลี่’ ภรรยาคนที่ 5 ของขุนแผน

               เรื่องเริ่มขึ้นเมื่อขุนแผนกับนางบัวคลี่เกิดความชอบพอกันจึงได้นางเป็นภรรยาจนนางตั้งท้อง แต่พ่อของบัวคลี่เห็นว่าขุนแผนมีวิชาอาคมเหนือกว่าตนมากนัก กลัวว่าวันหนึ่งขุนแผนจะมายึดอำนาจ จึงสั่งให้นางบัวคลี่วางยาพิษฆ่าขุนแผนซะ ซึ่งนางบัวคลี่เองก็เชื่อฟังพ่อแต่โดยดี แต่ขุนแผนมารู้ทันเสียก่อนจึงนึกแค้นนางบัวคลี่ที่ไม่ซื่อสัตย์กับสามี ดังนั้น พอนางบัวคลี่กำลังนอนหลับปุ๋ย พ่อขุนแผนพระเอกของเราก็ใช้มีดผ่าท้องนางบัวคลี่แล้ว ควักลูกในท้องออกมา สดๆ ในขณะที่นางบัวคลี่ยังเป็นๆ กันอยู่เลยค่ะ เรียกได้ว่าใช้มีดหั่นอย่างกับปอกทุกเรียนควักเนื้อออกมากิน แถมยังจับลูกตนเองมาทำพิธีปลุกเสกให้เป็นกุมารทองเอาไว้คอยรับใช้ ไม่ยอมให้ไปผุดไปเกิดอีกต่างหาก โหดจริงๆ เลยค่ะ



อันดับที่ 3 "อุทัยเทวี"  ต้นร้ายปลายดีของเจ้าหญิงเลือดผสม


               ถัดต่อมาในอันดับที่ 3 กับเรื่อง “อุทัยเทวี” สาวน้อยลูกครึ่งพญานาค รุกขเทวดา ที่สิงอยู่ในซากคางคก แต่ได้คุณตาคุณยายใจดีอุปการะเลี้ยงดู ก่อนจะได้แต่งงานกับเจ้าชายอย่างมีความสุข แต่เพราะแม่ของเจ้าชายไม่ปลื้มที่เห็นลูกชายแต่งงานกับสาวชาวบ้าน จึงส่ง “ฉันทนา” นางอิจฉาของเรื่อง มาแย่งพระเอกจากนางเอกตามสูตรของละครไทย

               สำหรับเรื่องนี้อยากจะบอกเพื่อนๆ เลยว่า ผู้เขียนชอบเป็นการส่วนตัวสุดๆ นั่นคือฉากที่นางอุทัยเทวีปลอมตัวเป็นยายแก่เพื่อทำการรักษาศีรษะของนางฉันทนาให้กลับมาสวยงามเหมือนเดิม จากการที่นางฉันทนาหลอนไปเองว่าฆ่านางอุทัยเทวีไปแล้วคงจะกลายเป็นผีตามมาหลอก จนผมดำขลับสวยๆ กลายเป็นสีขาวหมดทุกเส้น ซึ่งฉากนี้มันโหดตรงที่ ในตอนที่นางอุทัยเทวีกำลังจะรักษานางฉันทนานั้น นางอุทัยเทวีได้บรรจงโกนผมนางฉันทนาออกทั้งหมดประหนึ่งคนเป็นโรคมะเร็งกำลังจะไปรักษาแบบคีโม แถมยังเอามีดโกนนั้นค่อยๆ บรรจงกรีดไปที่ศีรษะทีละน้อยๆ และเมื่อเลือดสดๆ จากหนังศีรษะไหลอาบบนพื้น นางอุทัยเทวีก็ได้นำปลาร้า... ใช่ค่ะ อ่านไม่ผิด ปลาร้าค่ะ ทำกันใหม่ๆ หอมกรุ่น สดจากไห โปะเข้าที่แผลของนางฉันทนา และบอกว่าให้พอกอยู่อย่างนี้ไว้เป็นเวลา 7 วันห้ามล้างออก คุณพระ!! แค่เอาเกลือทาแผลสดก็ปวดแสบปวดร้อนกันจะตายอยู่แล้ว นี่เล่นกันถึงปลาร้าเลย ยอมใจในความครีเอตจริงๆ ที่สามารถนำ ปลาร้ามาใช้เป็นอาวุธฆ่าคน ได้เนี่ย





อันดับที่ 2 "นางสิบสอง" เคราะห์ซ้ำกรรมซัดของพี่น้อง 12 คน


               มาถึงอันดับที่ 2 กับนิทานพื้นบ้านที่มีตัวละครเอกหญิงมากที่สุดอย่าง “นางสิบสอง” เพราะมีกันเยอะถึงสิบสองคนนี่แหละค่ะ ถึงถูกพ่อแม่นำไปทิ้งไว้กลางป่าเพราะเลี้ยงไม่ไหว แต่โชคยังดีที่พวกเธอได้ไปเจอกับนางยักษ์สันตราที่เอ็นดูเห็นพวกเธอเป็นน้องสาวจึงรับเลี้ยงไว้โดยปกปิดว่าตนเป็นยักษ์ แต่เมื่อพวกเธอรู้ว่านางสันตราเป็นยักษ์จึงพากันหนี แล้วได้ไปพบกับท้าวรถสิทธ์และได้รับแต่งตั้งเป็นมเหสีของพระองค์ แต่เรื่องราวไม่ได้จบลงอย่างมีความสุขง่ายขนาดนั้นค่ะ เพราะนางยักษ์สันตราโกรธแค้นนางสิบสองเป็นอย่างมากที่ไม่สำนึกในบุญคุณตนที่เลี้ยงดูมา จึงร่ายมนต์ให้ท้าวรถสิทธิ์หลงรักและแต่งตั้งตนเป็นมเหสีเอกแทน

               แล้วฉากมหาโหดที่ตรึงใจผู้ชมมาทุกยุคทุกสมัยก็เกิดขึ้น เมื่อนางยักษ์สันตราแกล้งป่วยเป็นโรคประหลาด และมีเพียงลูกตาของนางสิบสองเท่านั้นที่ช่วยได้ ท้าวรถสิทธิ์จึงสั่งให้ ควักลูกตา พวกเธอออกมา ชนิดที่ว่าดึงกันสดๆ อย่างกับแคะขนมครก ควักรวดเดียว 12 คน และเหลือคนสุดท้ายไว้ข้างหนึ่งประหนึ่งใจดีลดให้เป็นโปรโมชั่น แต่ทว่ามันยังไม่จบแค่นั้นน่ะสิคะ หลังจากที่ถูกควักลูกตาไปแล้ว ชีวิตของแม่นางทั้ง 12 ต้องอยู่อย่างอดอยากปากแห้ง ไม่มีอะไรจะกิน ถึงขนาดต้อง กินลูกของตัวเอง ประทังชีวิต หลังจากที่พวกเธอทั้ง 12 คนคลอดลูกออกมาพร้อมๆ กัน มีเพียงน้องคนสุดท้องที่เหลือตาเพียงข้างเดียวเท่านั้นที่ไม่ยอมฆ่าลูกของตน จะหิวโหยอะไรกันขนาดนั้นคะเนี่ย! (หมายเหตุ การกินเด็กไม่ได้ช่วยให้เป็นอมตะแต่อย่างใด)



อันดับที่ 1 "ปลาบู่ทอง" จะตายกี่ครั้งก็พร้อมกลับมาได้อย่างไม่หวั่น


               และในที่สุดก็มาถึงอันดับ 1 ของเราแล้ว กับเรื่องที่ทุกๆ คนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะถูกนำไปสร้างเป็นการ์ตูน นิทาน ละคร มากมายหลายเวอร์ชั่นเต็มไปหมด แต่ไม่ว่าจะเป็นเวอร์ชั่นไหน เนื้อหาของเรื่องก็ยังคงไปด้วยฉากที่โหดร้ายทารุณต่อจิตใจเสมอมา

               โดยเรื่องนี้เริ่มจากการที่แม่ของเอื้อยได้เสียชีวิตลง แล้วกลับชาติมาเกิดใหม่เป็นปลาบู่ทอง คอยพูดคุยกับลูกที่ท่าน้ำทุกวัน ซึ่งฝั่งนางอิจฉาสุดแสนจะไม่พอใจ เลยจับปลาตัวนั้นไปทอดกรอบกินซะเลย แต่ทว่าเรื่องไม่จบแค่นั้นแม่ของเอื้อยยังอุตส่าห์กลับชาติมาเกิดใหม่เป็นต้นมะเขือ เหล่าตัวร้ายถึงกับยิ้มอ่อน พุ่งปรี่เข้าไปหักคอแม่เอื้อยที่เป็นต้นมะเขือเด็ดลูกมันมาจิ้มน้ำพริกกินกันอย่างเอร็ดอร่อย และสุดท้ายนั้นแม่ของเอื้อยก็ได้เกิดเป็นต้นโพธิ์ที่แข็งแรงจึงรอดเงื้อมมือจากเหล่านางอิจฉาไปได้ และแน่นอนเคราะห์กรรมทั้งหมดเลยมาตกกับตัวเอื้อยแทน เหล่านางอิจฉาทั้งหลายเลยวางแผนจับเอื้อย ฆ่าด้วยน้ำร้อนกว่า 100 องศา จนเอื้อยถึงกับสำลักความสุกจนตาย แต่ก็ยังอุตส่าห์กลับชาติมาเกิดใหม่ได้เหมือนแม่ กลายเป็นนกแขกเต้า แต่ก็ไม่วายถูกจับมาถอนขนทีละเส้นๆ เตรียมจะโดนต้มกิน แต่เคราะห์ยังดีที่เอื้อยอาศัยช่วงที่พ่อครัวเผลอเลยบินหนีรอดออกมาได้ ชีวิตจะลำบากอะไรขนาดน้านนน เฮ้อ!



               เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับ 5 อันดับฉากสุดหฤโหดที่อยู่ในนิทานพื้นบ้านของเรา แม้นิทานพื้นบ้านของไทยรวมถึงนิทานของชาติอื่น ๆ จะมีฉากที่โหดร้าย รุนแรง ขวัญผวา เลือดสาด แต่ทุกเรื่องต่างแฝงไปด้วยข้อคิดจากตัวละครให้เราได้ดูเป็นตัวอย่าง และแน่นอนว่านักอ่านสายดาร์กอย่างเราๆ ย่อมแยกแยะเรื่องที่ถูกและผิดได้อย่างแน่นอนอยู่แล้ว จริงไหมคะ? อีกอย่างการที่นิทานพื้นบ้านมีฉากที่โหดร้ายก็เพื่อเพิ่มอรรถรสความสนุกสนานให้แก่ผู้อ่านนั่นเอง และที่สำคัญตัวละครที่ทำไม่ดีในเรื่องต่างก็ได้ รับผลตามการกระทำของตนเอง ด้วยกันทั้งนั้น อย่างศรีธนญชัยที่เสียท่าให้คนที่เก่งกว่า ขุนแผนเองมีภรรยาเยอะก็ใช่ว่าจะมีความสุข หรือแม้แต่นางสิบสองที่ถูกควักลูกตาเพราะผลกรรมที่เคยไปควักลูกตาของปลามาก่อน

               สุดท้ายนี้ทางผู้เขียนอยากจะบอกว่าไม่ว่าจะเป็นเกม การ์ตูน หรือสื่อประเภทไหน เราก็ยังคงพบเห็นความรุนแรงที่ปรากฏในสื่อเหล่านี้มาตลอดอยู่เสมอ แต่พวกเราก็ยังสตรองสามารถเติบโตขึ้นมาเป็นคนดีของสังคมได้ แม้จะเสพสื่อที่นำเสนอเนื้อหาที่รุนแรงและโหดร้ายมาเกือบตลอดชีวิตก็ตาม เพราะฉะนั้นทางผู้เขียนบอกได้เลยว่า สื่อทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นนิทาน เกม หรือการ์ตูน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคนให้กลายเป็นคนไม่ดีได้ ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับนิสัย สภาพแวดล้อม ชีวิตความเป็นอยู่ของบุคคลนั้นๆ ล้วนๆ เลยจ้า


Reference
ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์เหล่านี้ที่รวบรวมเรื่องย่อนิทานพื้นบ้านไทยเอาไว้
http://bkkseek.com/category/tale/folk-tale/
http://www.nithan.in.th
http://info.muslimthaipost.com/






✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎









ไม่อยากพลาดบทความดี ๆ กดติดตาม Punica LINE official คลิก!   เพิ่มเพื่อน



วันพฤหัสบดีที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2561

ถอดหน้ากาก! ไขประวัติผีตาโขน จากภูตผีสู่ประเพณีรื่นเริง















คุณเคยได้ยินเรื่องผีตาโขนไหม? 
ภูตผีที่มีหน้าตาโดดเด่นด้วยหน้ากากไม้ใหญ่ ตกแต่งสีสันสดใส มีปากและดวงตาน่าเกรงขาม 
แท้จริงแล้วผีตาโขนเป็นปีศาจร้ายน่ากลัวดังที่ปรากฏในเรื่องการิน ปริศนาคดีอาถรรพ์ ขบวนแห่ภูต ป่าอาถรรพ์หรือไม่? 
วันนี้เรามาทำความรู้จักผีตาโขนให้มากขึ้นกันค่ะ!



 


ผีตาโขน ก็คือ ผีตามคน 


          มีเรื่องเล่าขานกันมาว่าจริงๆ แล้ว ผีตาโขน เพี้ยนมาจากคำว่า ผีตามคน ค่ะ!  ซึ่งคำๆ นี้มีที่มาจาก มหาเวสสันดรชาดก หรือชาดกในพระพุทธศาสนาสมัยที่พระพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นพระเวสสันดร 

          พระเวสสันดรและพระนางมัทรีซึ่งเป็นพระมเหสีถูกขับไล่ออกจากเมืองและเข้าไปบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่า เมื่อถูกเชิญเสด็จกลับเมืองกลับสู่เมืองหลวง ผีป่าหลายตนและเหล่าสัตว์นานาชนิดได้ออกมาส่งทั้งสองพระองค์ด้วยความอาลัยรัก ผีเหล่านั้นจึงถูกเรียกว่า ผีตามคน ต่อมาได้ออกเสียงเพี้ยนกันไปเรื่อยๆจนกลายเป็น "ผีตาโขน" อย่างในปัจจุบันค่ะ



รู้จักกับเทศกาลผีตาโขน


 

          ผีตาโขนไม่ได้เป็นเพียงความเชื่อในนามธรรมเท่านั้นนะคะ ยังมีเทศกาลให้เห็นเป็นรูปธรรมอีกด้วย ในประเทศไทยจะมีเทศกาลผีตาโขนซึ่งชาวจังหวัดเลยปฏิบัติสืบต่อกันมา เทศกาลนี้จะจัดขึ้นในช่วงเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี โดยจัดร่วมกับงานบุญหลวงที่วัดโพนชัย อำเภอด่านซ้าย เนื่องจากชาวจังหวัดเลยเชื่อกันว่าบรรพชนที่เสียชีวิตไปแล้วจะกลายเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อาจช่วยดลบันดาลให้เกิดความอุดมสมบูรณ์หรือความหายนะกับบ้านเมืองก็ได้ จึงได้จัดการละเล่นขึ้นเพื่อสร้างความพอใจและบวงสรวงบูชาบรรพชนของตนค่ะ


          ไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก เด็กวัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ ทั้งหญิงและชายก็สามารถเข้าร่วมสนุกในเทศกาลนี้ได้ทุกคน (แต่ผู้หญิงจะไม่ค่อยเข้าร่วมด้วยเท่าไหร่หรอกนะคะเพราะเป็นการละเล่นที่ค่อนข้างผาดโผนและซุกซน) ขบวนแห่ผีตาโขนจะออกมาร่วมเดินขบวนอัญเชิญและแห่พระอุปคุตมาประดิษฐานที่วัด พระอุปคุตก็คือพระที่ผู้คนเชื่อว่ามีฤทธานุภาพมาก ป้องกันภัยอันตราย มอบความสุขสวัสดีให้แก่บ้านเมืองได้นั่นเอง 



ผีตาโขน กับ ผีป่า แห่งนิศาพาณิชย์

          ในซีรีส์ของเด็กหนุ่มอาถรรพ์แห่งพูนิก้าได้มีการนำเรื่องเล่าผีตาโขนมาดัดแปลงแต่งเติมจินตนาการให้เข้ากับหนังสือ การิน ปริศนาคดีอาถรรพ์’ ด้วยล่ะค่ะ! อย่างตอน ‘คดีขบวนแห่ภูต ป่าอาถรรพ์ก็จะเล่าเกี่ยวกับความเชื่อจากจินตนาการที่บอกว่าผีในป่าก็คือวิญญาณที่ไม่ไปสู่สุขคติ วนเวียนและหิวโหยอยู่ในป่า (เนื่องจากทำพิธีจัดการศพโดยนำร่างไปทิ้งไว้กลางป่า)


          และเพื่อความสงบสุขระหว่างโลกคนเป็นกับคนตาย มนุษย์จึงต้องเซ่นไหว้ของกินแก่ผีป่า ทว่านานวันเข้าผู้คนต่างก็ละเลยประเพณีนี้ไป แต่สิ่งที่ไม่หายไปพร้อมกับประเพณีก็คือเหล่าวิญญาณที่กำจัดความหิวโหยของตนเองไม่ได้ พวกเขาจึงเริ่มออกจากป่าเพื่อดับความหิวในตัว ซึ่งการกระทำของเหล่าผีป่าได้ส่งผลร้ายแก่มนุษย์ที่อยู่อีกฟากโลกหนึ่ง


          ทุกอย่างได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อเกิดเหตุการณ์สุดประหลาดเหตุการณ์หนึ่งในโรงเรียน ท้องฟ้ามืดครึ้ม บรรยากาศชวนฝนตก หากสิ่งที่ร่วงลงมากลับไม่ใช่หยดน้ำ แต่เป็นซากศพนกที่หล่นลงมามากมาย พร้อมกับฝันประหลาดราวกับว่าไม่อยากให้ลัลทริมาอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ต่อไป เพื่อปกป้องเพื่อนๆ และตัวเธอเอง ลัลทริมาจึงตัดสินใจค้นหาความจริงของคดีนี้และเลือกเผชิญหน้ากับเด็กหนุ่มที่ใครๆ ต่างก็ไม่อยากเฉียดเข้าใกล้อย่าง การิน ด้วยตัวเธอเอง 



การิน ปริศนาคดีอาถรรพ์ ขบวนแห่ภูต ป่าอาถรรพ์

          งั้นเรามาทำความรู้จักกับ การิน ปริศนาคดีอาถรรพ์ คดีขบวนแห่ภูต ป่าอาถรรพ์ กันสักเล็กน้อย การินคดีนี้เป็นการ์ตูนตอนที่ 2 ของซีรีส์ การิน ซึ่งตีพิมพ์ในเดือนตุลาคมปี 2551 หรือหลังจากตีพิมพ์คดีแรกคืนลอยกระทงสีเลือดได้ 3 เดือน ความยาว 2 เล่มจบ (บทแรก และ บทจบ) ปัจจุบันวางขายด้วยฉบับ re-cover 


   

 



          เรียกได้ว่าแทบไม่มีแฟนคลับพูนิก้าคนไหนไม่รู้จักชื่อ การิน หรือแม้แต่คนทั่วไปเองก็ยังคุ้นตากับชื่อของเขาที่อยู่บนหนังสือเล่มสีดำอันเป็นเอกลักษณ์ เรื่องราวของเด็กหนุ่มที่หลงใหลในอาถรรพ์ ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อเข้าสู่ศาสตร์มืดแต่ตัวเองกลับไม่มีพลังสัมผัสถึงสิ่งดำมืดได้ เขาได้มาเจอกับนักเรียนสาวที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ลัลทริมา ผู้หวังจะมีชีวิตธรรมดา แม้ว่าตัวเองมีสัมผัสที่หก หรือ ญาณอาถรรพ์ อยู่กับตัวก็ตามที 

          คดีขบวนแห่ภูตป่า อาถรรพ์ไม่เพียงทำให้ผู้อ่านได้ลุ้นระทึกและสนุกไปกับการไล่หาความจริงสีดำที่มีเรื่องเล่าผีตาโขนเป็นพื้นหลังเท่านั้น แต่เล่มนี้ยังสอดแทรกถึงเนื้อหาด้านมิตรภาพไว้ด้วยอย่างลงตัว มอบความรู้สึกอบอุ่นที่แทรกเข้ามาด้วยเรื่องของความเข้าใจและไว้ใจกันระหว่างเพื่อนไม่เพียงแค่เพื่อนของลัลทริมาเท่านั้น แต่มีเนื้อหาที่เจาะลึกไปถึงภูมิหลังความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนคนหนึ่งของการินด้วยเช่นกันค่ะ

          ทั้งผีป่าจากเรื่องการินและตำนานผีตาโขนของชาวด่านซ้ายทำให้เห็นว่าวิญญาณและภูติผีป่าต่างเป็นความเชื่อที่มีมาอย่างยาวนานตกทอดจนเกิดเป็นประเพณีให้คนปัจจุบันได้เห็นและรับรู้ถึงความเชื่อที่เคยมีมา เป็นประเพณีที่เชื่อว่าจะทำให้ทั้งโลกคนเป็นและคนตายต่างมีชีวิตที่สงบสุข ทั้งนี้ความเชื่อก็เปลี่ยนแปลงได้ตามแต่ยุคสมัย การจะเชื่อเรื่องราวหรือประเพณีใดก็ตามแต่ เป็นเรื่องที่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนนะคะ


         หากเพื่อนๆ คนไหนมีตำนานอื่นที่น่าสนใจ ลองแชร์มาแบ่งปันกันได้นะค้า~
         แล้วพบกันในบทความถัดไปค่ะ ^^




✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎ ✎




ไม่อยากพลาดบทความดี ๆ กดติดตาม Punica LINE official คลิก!   เพิ่มเพื่อน